วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

8. วัคซีนเอดส์มีความก้าวหน้าเพียงใด ?


วัคซีนเอดส์มีความก้าวหน้าเพียงใด ?


     เนื่องจากยารักษาโรคเอดส์มีราคาแพง และความหวังที่จะรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดโดยการใช้
ยาต้านไวรัสเอดส์แรง ๆ หลายตัวร่วมกันก็ยังดูเลือนลางอยู่ประกอบกับคำประกาศเจตนารมย์ของประธานาธิบดีคลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อกลางปี 2540 ว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้นำในการคิดค้น
วัคซีนเอดส์ให้สำเร็จภายใน 10 ปี ทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจเรื่องวัคซีนเอดส์อีกครั้งหนึ่ง วัคซีนเอดส์
อาจทำจากไวรัสเอดส์ที่ทำให้ตายแล้ว หรือถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง หรือผลิตโดยอาศัยขบวนการทาง
วิศวกรรมพันธุศาสตร์หรือโดยการสังเคราะห์ขึ้นมาโดยตรง ได้มีการศึกษาวัคซีนเอดส์หลายชนิดในสัตว์
ทดลองและคนอาสาสมัคร ปรากฏว่าวัคซีนมีความปลอดภัย 100 % ไม่มีใครติดเชื้อเอดส์ขึ้นมาจากการ
รับวัคซีน สัตว์ทดลองหรือคนที่ได้รับวัคซีนจะมีภูมิต้านทานซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอดส์ในหลอดทดลองได้ เมื่อลองฉีดภูมิต้านทานที่ได้จากการฉีดวัคซีนเข้าไปในลิงซิมแปนซี แล้วตามด้วยการให้ไวรัสเอดส์เป็น ๆ แก่ลิงตัวนั้น พบว่าลิงไม่ติดเชื้อเอดส์ แสดงว่าภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีด
วัคซีนมีประโยชน์ในการป้องกันโรคจริง แต่การที่จะบอกว่าเอาวัคซีนเอดส์มาฉีดคนแล้วจะป้องกันคน
ให้รอดพ้นจากการติดเชื้อเอดส์ได้หรือไม่พิสูจน์ได้ยาก เพราะจะเอาเชื้อเอดส์มาแอบฉีดให้กับอาสาสมัคร
ที่ฉีดวัคซีนแล้วย่อมทำไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ กล่าวคือติดตามที่ฉีดวัคซีนกับคน
ที่ฉีดน้ำเปล่า กลุ่มใหญ่ ๆ ไปสักระยะเวลาหนึ่ง (2-3 ปี) โดยที่อธิบายกรอกหูให้ฟังทุกวันว่า ที่ทำอยู่นี้เป็นการศึกษาว่าวัคซีนเอดส์ได้ผลหรือไม่ อาจไม่ได้ผลก็ได้ และท่านได้รับอาจเป็นวัคซีนจริงหรือวัคซีน
เทียม (น้ำเปล่า) ก็ได้ ไม่มีใครรู้ เรากำลังพิสูจน์กันอยู่ เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เขาควรจะต้องไม่ไปมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือถ้าจะไปเสี่ยงบ้างก็ต้องป้องกันเช่น ใช้ถุงยางอนามัย บางคนแย้ง
ว่าถ้าไปบอกเขาแบบนี้ ทุกคนใส่ถุงยางอนามัยหมด แล้วจะไปพิสูจน์ได้ยังไงว่าวัคซีนได้ผล เราต้อง
ยอมรับความจริงว่า ถึงแม้เราตอกย้ำอาสาสมัครอย่างไร การเป็นมนุษย์ปุถุชนจะยังมีอยู่ กล่าวคือ ก็ยัง
คงมีคนไปเที่ยวผู้หญิงบ้าง และมีที่เผลอไม่ใส่ถุงยางอนามัยบ้าง สุดท้ายก็จะมีคนติดเชื้อเอดส์ขึ้นมาบ้าง เมื่อติดตามไปได้สักระยะหนึ่ง ก็มาดูว่ากลุ่มที่ฉีดวัคซีนมีคนที่ติดเอดส์น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้วัคซีนหรือ
ไม่ ถ้าน้อยกว่าก็แสดงว่าวัคซีนนั้นป้องกันได้ผล อาจได้ผล 20%, 60% ฯลฯ จะต้องให้ได้ผลสักเท่า
ไรจึงจะเอามาฉีดกับคนทั่วไปได้ หรือเอามาขายได้ยังไม่มีใครมีคำตอบ การทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบที่เรียกว่าระยะที่ 3 หรือการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนซึ่งต้องใช้อาสาสมัครที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ (เช่น ชายนักเที่ยวหรือหญิงบริการทางเพศ หรือคนที่ติดยาเสพติดโดยการฉีด) จำนวนกลุ่มละหลายพันคน และติดตามไป 2-3 ปี ในปัจจุบันมีวัคซีนเพียงขนาบเดียวที่เข้าสู่การทดสอบระยะที่ 3 ในคน ซึ่งกว่าจะทราบผลก็คงประมาณปี พ.ศ. 2545


นอกจากจะเอามาฉีดให้กับคนที่ยังไม่ติดเชื้อแล้ว วัคซีนเอดส์ยังสามารถนำมาฉีดให้กับคนที่
ติดเชื้อเอดส์แล้วได้ด้วย พบว่าปลอดภัยเช่นเดียวกัน ไม่มีใครตายด้วยโรคเอดส์เร็วขึ้น ขณะเดียวกัน
พบว่าภูมิต้านทานที่เป็นประโยชน์ในการยับยั้งการติดเชื้อไวรัสเอดส์ก็มีเพิ่มขึ้น ภูมิต้านทานของผู้ติด
เชื้อสามารถคงอยู่ในระดับที่ดีได้นาน โรคติดเชื้อแทรกซ้อนก็เป็นน้อยลง จึงเป็นความหวังที่ผู้ติดเชื้อทั่วโลกกำลังรอคอยอยู่ว่าการฉีดวัคซีนเอดส์ร่วมไปกับการให้ยาต้านไวรัสเอดส์อาจสามารถทำให้ชีวิตของพวกเขายืนยาวขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


การทดสอบวัคซีนเอดส์ครั้งแรกในประเทศไทยทำ โดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย และโครงการโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2537 โดยใช้วัคซีนสังเคราะห์ของบริษัท UBI ฉีดให้กับอาสาสมัครที่ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์จำนวน 30 คน โครงการนี้ได้สิ้นสุดแล้วตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2538 ผลการศึกษาพบว่าวัคซีนปลอดภัย 100 % และเกือบร้อยละ 90 ของอาสาสมัครมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น การพัฒนาต่อไปคือการทำให้ภูมิต้านทาน
ที่เกิดขึ้นมีระดับที่สูงอยู่ในร่างการไปได้นาน ๆ และสามารถทำปฏิกิริยาได้กับเชื้อเอดส์ ทุกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ เมื่อได้วัคซีนที่เชื่อว่าดีแน่ จึงจะมีการนำไปทดสอบประสิทธิภาพต่อไป การทดสอบวัคซีนเอดส์ของสภากาชาดไทยเป็นการสร้างการรับรู้ และการยอมรับในสังคมไทย เปิดทางให้มีการศึกษาทดสอบวัคซีนเอดส์อื่น ๆ อีกหลายตัวในระยะเวลาต่อมา ซึ่งหวังว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้าควรจะมี
วัคซีนเอดส์ออกมาใช้ได้ในบ้านเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น