วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

5. โรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางใด ?


โรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางใด ?
      ในปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่พอจะรู้แล้วว่าโรคเอดส์ติดต่อได้อย่างไรและป้องกันได้อย่างไร แต่ที่ยังไม่ค่อยรู้ หรือรู้แล้วแต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจหรือไม่ค่อยจะเชื่อก็คือวิธีที่จะไม่ติดเอดส์ ทำให้เกิดความกลัวไปต่างๆ นานา ดังนั้นแนวทางการให้สุขศึกษาเกี่ยวกับโรคเอดส์ในอนาคตจะต้องเน้นให้รู้อย่างถ่องแท้ว่าโรคเอดส์ไม่ติดต่อกันทางใด เพื่อจะช่วยลดความแตกตื่นหรือความกลัวอย่างไม่มีเหตุผลต่อโรคเอดส์ลง ซึ่งจะทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ไม่เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในสังคม ในที่ทำงานหรือในสถานพยาบาล และยอมรับในการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านเรา

(1) โรคเอดส์ไม่ติดต่อกัน โดยผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก น้ำตา เสมหะ ปัสสาวะ อุจจาระ หรือเหงื่อ
      แม้ว่าอาจพบเชื้อโรคเอดส์ในน้ำคัดหลั่งเหล่านี้ได้ก็ตาม แต่ปริมาณเชื้อมีไม่มาก และโอกาสที่ผู้รับจะมีบาดแผลให้เชื้อเอดส์เข้าสู่ร่างกายเลยมีน้อย โอกาสจะติดจึงยาก มีผู้ประเมินเล่นๆ ว่าการที่จะติดเชื้อเอดส์จากน้ำลายได้นั้นคงต้องกันน้ำลายกันทีละหลายสิบลิตรทีเดียว ! ดังนั้นการพูดจา การร่วมรับประ ทานอาหาร การทำงานใกล้ชิด การจับเนื้อต้องตัว การพยาบาล การใช้แก้วน้ำ การใช้ส้วมหรือสระว่ายน้ำร่วมกับคนที่ติดเชื้อโรคเอดส์จึงไม ่เป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ เพราะมิฉะนั้นแล้วคนรอบข้างของผู้ป่วยโรคเอดส์กว่าสองแสนคนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ก็คงจะมีการติดเชื้อเข้าไปแล้วล้านๆ คน ซึ่งหาเป็นเช่นนั้นไม่ สาเหตุอีกประการหนึ่งที่คนรอบข้างของผู้ป่วยโรคเอดส์ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์ก็เพราะไวรัสโรคเอดส์ง่ายต่อการถูกทำลายด้วยความร้อน ความแห้ง สบู่ และน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ มากกว่าเชื้อวัณโรค เชื้อไวรัสตับอักเสบ และเชื้ออื่นๆ อีกหลายชนิด

     ช่วงปลายปี 2543 มีข่าวทางสื่อมวลชนว่า พบมีไวรัสตัวใหม่ ซึ่งติดต่อทางน้ำลาย ชื่อ HHV-8 (human herpes virus type 8) ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกันกับไวรัสเริมและงูสวัด ซึ่งติดต่อกันได้โดยน้ำลายและสิ่งคัดหลั่ง เมื่อไวรัสนี้เข้าไปในคนที่ติดเชื้อเอดส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นชายรักร่วมเพศ จะทำให้ผู้ติดเชื้อเอดส์คนนั้นมีโอกาสจะเกิดมะเร็งของผนังหลอดเลือดที่เรียกว่า แคโปซี ซาร์โคม่า ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรคเอดส์ได้ ไม่ได้แปลว่าไวรัสตัวนี้ หรือน้ำลายจะทำให้ติดเอดส์ได้ เพราะมีประชาชนหลายคนเริ่มตื่นกลัว

(2) ยุงไม่นำโรคเอดส์ แม้ว่าจะพบเชื้อโรคในตัวยุงได้ถ้ายุงไปกัดคนที่เป็นเอดส์ แต่เชื้อโรคเอดส์ในตัวยุงไม่แบ่งตัว
      โดยจะอยู่ในตัวยุงได้ไม่กี่ชั่วโมงก็จะตายไป เลือดผู้ป่วยที่เปื้อนอยู่ที่ปากยุงก็มีไม่มาก และอาจถูกทำลายโดยน้ำย่อยที่อยู่ในน้ำลายยุง ดังนั้นจึงยังไม่พบมีการระบาดของโรคเอดส์ภายในบ้านหรือหมู่บ้านที่มีคนไข้โรคเอดส์อยู่และยุงมากในบ้านหรือหมู่บ้านนั้น มิฉะนั้นแล้วเด็กซึ่งมักถูกยุงกัดบ่อยกว่าผู้ใหญ่จะต้องติดเชื้อโรคเอดส์ตามคนในบ้านไปมากมายแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น