วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

12.ประชาชนทั่วไปจะมีวิธีป้องกันโรคเอดส์ได้อย่างไร



(1) ควรมีความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับโรคเอดส์ว่าติดต่อกันได้อย่างไร และติดต่อไม่ได้อย่างไรและนำมาคิด นำมาปฎิบัติกับตัวเองเพื่อละเว้นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์ เนื่องจากโรคเอดส์เป็นโรคที่ป้องกันได้ สาเหตุที่ติดเชื้อโรคเอดส์ส่วนใหญ่เป็นเพราะทำตัวเองหรือพาตัวเองให้ไปรับเชื้อมา และจากสถานการณ์ในปัจจุบันทุกคนในสังคมเสี่ยงต่อการเป็นโรคเอดส์หมด ถ้าขาดความระมัดระวังตัวในการป้องกัน โรคเอดส์เป็นโรคที่ใกล้ตัวของทุก ๆ คน และการที่รู้ว่าโรคเอดส์ไม่ติดต่อ โดยวิธีใดจะช่วยลดความวิตกกังวลอันไม่จำเป็นเกี่ยวกับโรคเอดส์ลงไปอันจะนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของสังคม และสถานประกอบการ

(2) สามีภรรยาที่แต่งงานกันแล้วนานๆ ต้องรักษาความรัก และความซื่อสัตย์ต่อกันและกันเหมือนตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ ต้องรักษาชีวิตสมรสให้สดชื่นและตื่นเต้นตลอดเวลา ต้องหันหน้าคุยและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ ต้องมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวโดยไม่นำตัวเองไปรับเชื้อเอดส์ และไม่นำเชื้อเอดส์มาแพร่ให้คู่ครอง โดยถ้าเกิดพลั้งเผลอนอกใจต่อภรรยา ต้องกล้าบอกความจริงและต้องรับผิดชอบโดยใส่ถุงยางเวลานอนกับภรรยาจนกว่าจะตรวจแล้วไม่ติดเอดส์แน่นอน

(3) พ่อแม่ควรอบรมสั่งสอนลูกชายไม่ให้ระรานผู้หญิง ควรให้เกียรติผู้หญิงการหลอกผู้หญิงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การเที่ยวผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่าละอาย การเป็นผู้ชายไม่ใช่จะต้องสูบบุหรี่ กินเหล้า เที่ยวผู้หญิง หรือมีแฟนมากๆ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอาจเกิดท้องขึ้นมา ติดกามโรคและติดเอดส์ ถ้าติดเอดส์ พ่อแม่จะเสียใจ

(4) พ่อแม่ควรสอนลูกสาวให้รู้จักพฤติกรรมทางเพศของเด็กผู้ชาย รู้จักวิธีหลีกเลี่ยงการกระทำที่ "เปิดโอกาส" ให้กับเด็กผู้ชาย เช่น การไปไหนต่อไหนเพียงลำพังสองคน หรือการอยู่ในที่ลับตาคน การจับมือถือแขนและการพลอดรักซึ่งมักนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ใน ท้ายที่สุด วิธีที่ลูกสาวจะปฏิเสธ(Say No) อย่างนุ่มนวลกับผู้ชาย อีกทั้งชี้ให้เห็นโทษของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือในขณะที่สภาพเศรษฐกิจและสังคมยังไม่พร้อม ประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของผู้หญิงมักจะไม่ได้มีการเตรียมตัวป้องกันมาก่อน(เช่น การใช้ถุงยางอนามัย) จึงอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ การติดเชื้อกามโรคและเชื้อเอดส์ เพราะไม่มีทางแน่ใจว่าแฟนของตนจะไม่ไปยุ่งกับคนอื่นมาก่อน และอาจมีเชื้อเอดส์อยู่ในตัวแล้วก็เป็นไปได้ ในปัจจุบัน ต้องแนะนำว่าชายหญิงที่รักกันต้องซื่อสัตย์ต่อกัน อย่าไปชักนำความตายหรือโรคเอดส์มาให้คนรัก และก่อนที่จะแต่งงานหรือร่วมเพศกัน ควรไปตรวจเอดส์ทั้งคู่อย่างน้อย 6เดือน ก่อนจะร่วมหอลงโรงกัน

(5) พ่อแม่ในภาคเหนือของประเทศไทยต้องมีเจตคติใหม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกสาว เพื่อหวังพึ่งพาลูกสาวให้กู้ฐานะของครอบครัว การขายลูกสาวเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย และเท่ากับเป็นการส่งลูกสาวไปตายด้วยโรคเอดส์ การเอาอย่างความฟุ้งเฟ้อของเพื่อนบ้านโดยเอาชีวิตลูกสาวเข้าไปแลกเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่ากัน ส่วนฝ่ายเด็กสาวก็ต้องปลูกฝังความรู้สึกนึกคิดที่ว่า การไปขายตัวเป็นสิ่งที่ไม่ดีอาจประสบภยันตรายต่างๆ จนถึงแก่ชีวิต เรามีทางที่จะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อีกหลายๆ วิธีนอกเหนือจากการขายตัว

(6) ต้องมีการสอนเพศศึกษาอย่างถูกต้องในโรงเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่เด็กวัยรุ่นก่อนอายุ13 -15 ปี ซึ่งเป็นวัยที่จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ โดยถ้าจะให้ได้ประโยชน์ครอบคลุมเยาวชนกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ควรเริ่มสอนเพศศึกษาในชั้นประถม 5-6 ก่อนที่เด็กจะพ้น การศึกษาภาคบังคับ การสอนเพศศึกษาไม่ใช่การสอนเทคนิคการร่วมเพศ หรือสอนให้รู้จักตำแหน่งหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการสืบ พันธุ์อย่างเดียว แต่จะสอนสิ่งอื่นๆ ร่วมไปด้วยตามวุฒิภาวะของเด็ก เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และวิธีป้องกัน ปรัชญาของการมีชีวิตคู่ ความต้องการทางเพศอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และการตอบสนองที่ถูกต้อง เป็นต้น ยังต้องมีการอบรมครูและพ่อแม่ให้มีความรู้ด้านเพศศึกษาที่จะสอน หรือให้ความรู้แก่ศิษย์และลูกหลานอย่างถูกต้องอีกมาก และจะต้องเลิกมัวแต่โต้แย้งกันว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอก เพราะถึงแม้เราไม่สอน ก็มีตัวอย่างเพื่อน สถานเริงรมย์ ภาพยนตร์ วีดีโอ และสิ่งพิมพ์ที่เด็กจะเรียนรู้และนำไปปฏิบัติแบบผิดๆ จึงควรที่ทุกฝ่ายจะ ต้องเร่งสอน ให้ความรู้และคำแนะนำอย่างถูกต้อง

(7) เพื่อนจะต้องช่วยเตือนเพื่อนไม่ให้มั่วเพศและมั่วเข็ม ไม่ใช่กลับสนับสนุนหรือชักชวนกันไปกระทำสิ่งดังกล่าว หรือถือเป็นธุระไม่ใช่ เพื่อนที่ดีจะต้องเตือนสติเพื่อนแรงๆ เพราะเป็นห่วงชีวิตเพื่อน ต้องสร้างทัศนคติในสังคมว่าการเที่ยวผู้หญิง หรือการมั่วเพศกับคนนั้น คนนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจและเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้

(8) ประชาชนทุกคนทุกหมู่เหล่า จะต้องช่วยกันถ่ายทอดความรู้โรคเอดส์ไปสู่คนอื่นๆ ให้ทุกคนมีความตระหนักในสถานการณ์ และในความจำเป็นที่จะป้องกันตนเองและครอบครัวให้ปลอดจากโรคเอดส์ สร้างหรือร่วมกิจกรรมกลุ่มที่จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจและเห็นใจผู้ติดเชื้อ ให้เขาอยู่กับครอบครัวและสังคมได้อย่างปกติสุขเพราะโรคเอดส์ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ผู้ติดเชื้อจึงไม่ได้เป็นอันตรายกับใครถ้าไม่ไปร่วมเพศหรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับเขา

(9) ผู้ประกอบการทุกสาขาที่ทำงานซึ่งเกี่ยวกับการใช้ของมีคมเช่น แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ช่างเสริมสวย ช่างตัดผมชาย คนที่รับจ้างสักหรือเจาะรูตุ้มหูควรมีมาตรการในการใช้ของมีคมให้สะอาด ปลอดภัยจากเชื้อโรคเอดส์ โดยถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น